BRUT artspace
AND SO I LET THE LIGHT IN
a group exhibition with Auddha, Pohnnapa Singhachanad, and vice versa
at BRUT artspace (Ari, Bangkok)
15 August - 15 September 2024
นิทรรศการกลุ่มจากศิลปิน Auddha, พรนภา สิงห์ชนะด่าน, และ vice versa
ที่ BRUT artspace (อารีย์, กรุงเทพฯ)
ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม - 15 กันยายน 2024
สามศิลปิน Auddha, พรนภา สิงห์ชนะด่าน, และ vice versa ทะลวงอาคารบรูทัลลิสต์ของ BRUT artspace ด้วยผลงานที่ระยิบระยับและกระจัดกระจายขยายรูปแบบไปเรื่อย ๆ ใน ‘AND SO I LET THE LIGHT IN’ นิทรรศการกลุ่มที่จะเฉลิมฉลองพื้นที่ศิลปะแห่งใหม่นี้ ด้วยการเปิดพื้นที่ให้เราสำรวจการเดินทางเข้าและออกของ ‘แสง’ ระหว่าง ‘ร่างกาย’ ต่าง
ประติมากรรม ‘Color Surface’ ของพรนภา สิงห์ชนะด่าน สะท้อนธรรมชาติอันระยิบระยับอยู่ในความชั่วคราวของแสงที่เธอสัมผัสได้เมื่ออยู่ใต้น้ำ ในนี้ แสงอีกชนิดหนึ่งภายในห้องจัดแสดงของ BRUT artspace ที่เข้าไปสัมผัสกับวัตถุของเธอ มนต์สะกดแห่งสีถูกปลุกขึ้นอีกครั้ง ผ่านประสบการณ์ของเธอ มาสู่ภาพ-ทรงจำ-เคลื่อนไหว-เทียม-อันแตกกระจาย
‘Use-Less’ งานติดตั้งแสงและเสียงจากความร่วมมือของสตูดิโอ vice versa และผู้เชี่ยวชาญงานโลหะอย่างโรงงานไทยสถาวร (Thaisathavorn Factory) ตั้งแทงพื้นที่เสมือนปิดล้อมของ BRUT แล้วสร้างภาพลวงตาขึ้นมาจากเศษส่วนที่เหลืออยู่ของโลหะที่สละร่างบางส่วนไปเพื่อสิ่งอื่น พื้นที่กึ่งจริงกึ่งฝันของพวกเขาเป็นการเดินทางระหว่างรอยต่อของการเป็นสิ่งหนึ่งกับอีกสิ่งหนึ่ง และเป็นทั้งการเดินทางจากหางเสียงสุดท้ายของโลหะที่โรงงานจนมาถึงการอ้อยอิ่งนิ่งสงบ
และอีกพลังลึกลับที่ลอยอยู่ทั่วงาน มาจากงานติดตั้งของ Auddha ในชื่อ ‘Greed May Be Wider Than the Earth and Deeper Than the Oceans Within the Human Heart’ สร้างขึ้นจากสิ่งของกึ่งชวนฉงนกึ่งศักดิ์สิทธิที่เขาพบและเก็บมาจากท้องถนนของกรุงเทพฯ และทำให้พื้นที่ภายในอาคารถูกหลอกหลอนไปด้วยภาพเก่าของวัตถุเหล่านั้น กำแพงที่เคยแบ่งพื้นที่ภายในและภายนอกถูกพังทลายลง ดังร่างกายที่ถูกเจาะได้ง่าย ๆ ของเรา แสงจากพวกเรายังคงจ้องมองไปยังวัตถุเหล่านี้บนโลก พยายามทำความเข้าใจพวกมัน แต่กลับดูเหมือนว่าเราต่างก็เรียกร้องและกลืนกินซึ่งกันและกันกับสิ่งเหล่านี้อยู่ตลอดเวลา ในนี้ เราตั้งคำถามกับพลังที่ได้มาพร้อมกับแสง และสิ่งต่าง ๆ ที่หายไป พร้อมกันกับแสง
ดังนั้นแล้วฉันจึงปล่อยให้แสงเข้ามา ปล่อยให้มันเปลี่ยนบางส่วนของฉัน อดีตของฉัน อนาคตของฉัน เพื่อที่แสงของฉันจะได้ฉายไปยังพวกเขา ไม่ว่ากำแพงมันจะหนากั้นอย่างไร งานเปิด
นิทรรศการ ‘AND SO I LET THE LIGHT IN’ จะจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 15 สิงหาคม 2024 ตั้งแต่ 18.00 น. พร้อมการแสดงพิเศษจาก ‘624175’ ในรูปแบบดนตรีนอยซ์และเสียงเก็บตก (found sound) ที่เขาพกติดตัวมา
Artists Auddha, Pohnnapa Singhachanad, and vice versa penetrate the Brutalist interior of BRUT artspace with their artworks of flickering light and multiplying form in ‘AND SO I LET THE LIGHT IN’, a group exhibition to celebrate this new artspace by letting us observe how the ‘light’ travels in and out of the ‘bodies’.
Pohnnapa Singhachanad’s sculpture ‘Color Surface’ reflects the momentarily flickering nature of the sight under the water. By letting the ambient light in the Brutalist interior of BRUT come in, the captivating quality of the color lives again, through her past, creating a kaleidoscopic-moving-pseudo-photograhic-memory. ‘Use-Less’ a light and sound installation from the collaboration of the design studio vice versa and the metal parts specialist Thaisathavorn Factory, penetrating BRUT’s seemingly enclosed space with their illuminating light shining from the holes of the scraps and leftover metals in use. Their half-awake space is a journey between the dreams and the reality, which could start from the roaring sound of the metal factory to the songs of our existence in this meditative space. Yet there is some another unseen force living in the air of the exhibition space. Auddha’s installation ‘Greed May Be Wider Than the Earth and Deeper Than the Oceans Within the Human Heart’ made up of the half-sacred-half-ridiculed found objects from the filthy street of Bangkok, tied up the space with its haunting imagery. Here, the wall separating the outside and inside space of the building is collapsed, and so is the limp skin of our body which arguably does nothing to protect us from all the ‘light’ that come in, and yet the light from humanity still looks at all the objects on earth, trying to make some sense out of it. And so I let the light in, let them change some part of me, my past, and my future, for my light will shine on them, no matter how thick is the wall…
Use-Less
vice versa
Scrap metal, bolt joinery, stainless steel, light, and sound
Dimension variable
Courtesy of vice versa and BRUT artspace
ชีวิตของเราผูกพันกับทุกสิ่งรอบข้าง ทั้งอดีตและปัจจุบัน ในยุคที่เส้นแบ่งระหว่างโลกจริงและโลกเสมือนบางราวกับเส้นด้าย เราต่างหลงลืมว่ายืนอยู่บนผืนดิน หรือล่องลอยไปตามสายธารแห่งจินตนาการ
ความฝันและความจริง หลอมรวมกันจนเราไม่อาจแยกแยะ ความมีค่าและไร้ค่า สลับสับเปลี่ยนเป็นเงาสะท้อน สรรพสิ่งต่างๆ เมื่อมีการใช้งานอยู่ในสถานที่หนึ่งเป็นสิ่งมีค่า ในทางกลับกันเมื่อถูกนำไปใช้งานอยู่ในสถานที่ที่เปลี่ยนไป สรรพสิ่งนั้นที่เคยมีค่ามหาศาล กลับกลายเป็นไร้ค่าในพริบตา ความตายและการตื่นขึ้น วนเวียนเป็นวัฏจักรไม่รู้จบ ในทุกวันเราตายลงพร้อมกับสิ่งเก่า และฟื้นขึ้นมาพร้อมกับสิ่งใหม่ ชีวิตของเราเป็นการเดินทางท่ามกลางความไม่แน่นอนนี้ ที่ทุกชิ้นส่วนล้วนประกอบเป็นหนึ่งเดียวกัน
หลายครั้งที่เศษโลหะถูกมองว่าไร้ค่า การตั้งคำถามกับชุดความคิดนี้ก่อให้เกิดความร่วมมือกันระหว่าง vice versa และ Thaisathavorn Factory เพื่อช่วยพาเศษโลหะที่เกิดจากการตัดเจาะ และผลิตชุดล็อคกุญแจ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักของโรงงานมาอย่างยาวนาน ไปสู่ความเป็นไปได้ใหม่ เพื่อช่วยลดวัสดุเหลือใช้ในกระบวนการผลิต และสร้างคุณค่าให้กับสิ่งที่เคยถูกมองว่าไร้ค่าอีกครั้ง
เมื่อแผ่นโลหะถูกตัดเจาะไปเป็นชิ้นส่วนต่างๆ จนเกิดเป็นช่องนั้นต้องกระทบกับแสง จะส่องสว่างฉายออกมาเป็นห้วงของมิติ ความทรงจำของชิ้นส่วนต่างๆในอดีต ที่ทับซ้อนกับพื้นที่ในโลกปัจจุบัน ความมีค่าทับซ้อนกับความไร้ค่า สิ่งเหล่านี้เปรียบเสมือนเครื่องเตือนใจให้กับเราต่อการเดินทางของชีวิต ในยุคที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนนี้
หากบางครั้งเรายอมหยุดคิดและพิจารณาความสัมพันธ์ของสิ่งต่างๆ ที่ล้วนเกี่ยวข้องกันนั้น เราจะสามารถกำหนดอนาคตของเรา
Lives are intertwined with everything that surrounds us, past and present. Especially, in an era where the realms between the real and virtual worlds are as thin as a thread, we are naturally unaware of whether we stand on stable ground or drift along the currents of imagination.
Dreams and reality merge, inconceivable to clarify. Value and worthlessness reflect one another and vice versa, invaluable becoming immediately worthless. Death and rebirth revolve as an endless cycle. Day to day, we perish with the old and awaken to the new. Our lives are journeys through this uncertainty, where all fragments are interconnected as integrity.
Time after time, scrap metal is seen as useless. The collaboration between vice versa and Thaisathavorn Factory revives these scraps, leftover from the cutting and drilling process of the factory's main product, the lock system. This interpretation leads to new potential.
When light illuminates the holes cut in the artifact, it creates dimensions of space and memory, reflecting contradictions of the past and present, value and worthlessness. This serves as a reminder of our journey through life in this uncertain era.
If the pause is embraced and the moment of contemplation shines, the interconnectedness of all things found, we bring our future into existence.
ด้วยความเชื่อว่าสิ่งรอบตัวนั้นล้วนเชื่อมโยงถึงกัน ปัญญ์ สิงหราช และ อริย์ธัช วงศ์อนันต์ ได้ใช้คำว่า “vice versa” มาจากภาษาละตินแปลว่า “ในทางกลับกัน” เป็นชื่อสตูดิโอออกแบบของพวกเขา
vice versa สนุกกับการค้นหาความสัมพันธ์ของบริบทต่างๆ จากพื้นฐานความสนใจในบริบทของสถาปัตยกรรม สถาปัตยกรรมภายใน และเฟอร์นิเจอร์ รวมถึงบริบทอื่นๆ เช่น ประวัติศาสตร์ ศิลปะ และดนตรี ทั้งหมดล้วนเป็นวัตถุดิบที่ vice versa หยิบยกนำมาผสมกลับไปกลับมา เพื่อสร้างสรรค์งานออกแบบ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะในแต่ละผลงาน ทำให้เกิดความหมายใหม่ๆ ที่ชวนให้ค้นหา พร้อมกับเปิดมุมมอง ความเป็นไปได้ให้กับผู้คน และบริบทโดยรอบต่อไป
With the ideation that everything affects each other and vice versa. Aritat Wonganan and Pann Singharaj apply the Latin term “vice versa” as their studio name.
vice versa takes pleasure in searching the relation among diverse contexts. Based on architecture, interior, and furniture, also with history, art, and music. These elements acted as ingredients to contribute to characterized creative projects. To reimagine the meaning, propose visions, and discover people’s possibilities with surrounding contexts.
about vice versa
Greed May Be Wider Than the Earth and Deeper Than the Oceans Within the Human Heart
Auddha
Installation
Dimension variable
Courtesy of the artist
ความโลภ อาจอยู่ในลมหายใจ อากาศ หิน ดิน ทราย น้ำ ป่า ฟ้า ไฟ ต้นไม้ แม่น้ำ ลำคลอง ภูเขา ทะเล มหาสมุทร
ความโลภ อาจอยู่ใน อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค ฯลฯ
ความโลภ อาจอยู่ในความเชื่อ อยู่ในศรัทธา อยู่ในความคิดที่แตกต่างความโลภไม่มีเชื้อชาติ ไม่มีศาสนา ความโลภไม่มีภาษา ความโลภมีอยู่ในทุกที่ ทุกเวลา ฯลฯ
ความโลภ มีอยู่ในเราทุกคน
เราจะให้ความโลภ มากัดกินความเป็นมนุษย์ในตัวเรา กัดกินเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน กัดกินสัตว์ ที่อาศัยอยู่บนโลกใบเดียวกัน กัดกินธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ร่วมไปถึงอากาศที่เราหายใจ วันหนึ่งความโลภมันคงกัดกินเรา เหมือนเศษเงินตราที่ถูกทำลายอย่างไร้ค่า
ความโลภ ของคุณอยู่ที่ไหน ?
มันกัดกินความเป็นมนุษย์ของเรา ไปหมดแล้วหรือยัง ?
ความโลภ ความโลภ ความโลภ
Greed may exist in the breath, air, earth, sand, water, forests, sky, fire, trees, rivers, canals, mountains, seas, and oceans. Greed may also be found in food, clothing, medicine, and more. Greed may reside in beliefs, in faith, in different thoughts. Greed has no race, no religion, no language. Greed exists everywhere, all the time, and so on. Greed exists in all of us. We let greed devour our humanity, devour fellow humans, devour animals sharing the same world, devour nature and the environment, including the air we breathe. One day, greed will consume us, just like worthless coins. Where is your greed? Has it devoured our humanity completely or not? Greed, greed, greed.
Auddha (สาธิต รักษาศรี) จบการศึกษาจากคณะศิลปศาสตร์สาขาศิลปะจินตทัศน์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ เขาทำงานจิตรกรรม, สื่อผสม และการแสดงสด โดยสนใจในการใช้วัตถุสิ่งของที่พบเจอ (found objects) มาสร้างผลงานที่มีความแปลกใหม่
Satit aka Auddha was born and raised in the most dense and biggest slum Klongtoey, Bangkok. He graduated in Visual Art: Imaging Art from the Faculty of Fine Arts, Srinakharinwirot University. Now he independently works in the field of art namely painting, mixed media, and live performance art by applying it in creating installation, illustration, teaching children art, etc. Lately he has worked on charity projects with many communities including Klong Toey slum and soi Latya 15 with Muzina (Japanese shoes brand based in the area).
His Abstract work uses various mediums, a lot of it including trash from the sea or waste from factories to reflect awareness of how our lives impact our world. His works participated international art events such as: Wonderfruit Festival(Pattaya Thailand), Matsumoto and Asian Art (Nagano Japan), Guys Action (Xi’an China), Unstable media art festival (Taipei, Taiwan), Community Art Project (Dawei, Myanmar) and Multiple solos in Poland.
about Auddha
Color Surface
Pohnnapa Singchanadan
Mixed media
63 x 70 x 46 cm
45,000 Baht
ข้าพเจ้ามีความรู้สึกประทับใจกับสีสันใต้น้ำที่ได้เห็นเมื่อไปดำน้ำในสระ แสงที่ส่องลอดผ่านผิวน้ำลงสู่พื้นกระเบื้องระยิบ ระยับ และเคลื่อนตัวอย่างสวยงามตามการเคลื่อนไหวของผิวน้ำ บางสีหายไป บางสีปรากฎขึ้นมาแทน ภาพนั้นทำให้ข้าพเจ้ามีความทรงจำที่อบอุ่นในใจ อยากจะมองให้นานจนลืมขึ้นมาหายใจ ผลงานนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างผลงานในการบันทึกปรากฏการณ์ของสีสันที่เกิดขึ้นชั่วขณะไว้บนวัตถุ ด้วยวิธีการใช้คุณสมบัติและการทำงานร่วมกันระหว่างของแสงและวัสดุที่มีความมันวาว แวววาว เลื่อม โปร่งแสง และสะท้อนแสง นำมาสร้างศิลปะ 3 มิติ เพื่อทำให้ปรากฏการณ์ที่แอบซ่อนอยู่ในโลกดังกล่าวปรากฏตัวขึ้นมาอย่างชัดเจน
I was impressed by the underwater colors I saw when I dove in the pool. The light shining through the surface of the water onto the tile floor shimmered and moved beautifully with the water’s surface. Some colors vanished while others emerged in their place. That picture evokes warm memories in my heart, and I find myself wanting to gaze at it for so long that I forget to breathe.
This art project aims to create a work that records the phenomenon of colors occurring momentarily on objects. By utilizing the properties and interactions between light and shiny, sequined, translucent, and reflective materials, the project seeks to produce 3D art that clearly reveals hidden phenomena in the world.
about Pohnnapa
พรนภา สิงห์ชนะด่าน (เนะ) จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยศิลปากร คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ เธอมีความสนใจในเรื่องสี และได้มีประสบการณ์ความประทับใจในสีสันเมื่อได้ไปดําน้ำ แสงที่ลอดผ่านผิวน้ำและกระทบที่ผิวของกระเบื้อง สีสันที่สะท้อนออกมาตามการเคลื่อนไหวของผิวน้ำ ทําให้เธอรู้สึกอยากจะมองให้นานจนลืมขึ้นมาหายใจ
Pohnnapa Singhachanadarn (Nae) graduated from Silpakorn University with a degree in Fine Arts. She has a keen interest in colors and has been deeply impressed by their nuances. When she went diving, the light filtering through the water and interacting with the surface of tiles created reflections of colors that captivated me.